นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงของไทย เชลล์ได้รับความไว้วางใจในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมากว่า 128 ปี นอกจากการส่งมอบพลังงานที่สะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว เรายังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงทางพลังงาน ด้วยการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเตรียมความพร้อมในการดำรงชีวิตยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เราเชื่อมั่นว่าการร่วมกับชุมชนแบบ ‘Trusted Partner’ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้คน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด เชลล์จะประเมินความสำเร็จของเราจากความสุขของชุมชนที่เราดำเนินธุรกิจและเกี่ยวข้อง ในฐานะพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจเสมอ”

แนวทางของเชลล์ประเทศไทยในการมุ่งพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ด้วยโมเดล “Trusted Partner” มีการดำเนินการใน 3 ด้านหลัก คือ

  1. Collaborative Society การมีส่วนร่วมของชุมชน ในด้านที่เกี่ยวกับธุรกิจหลัก เชลล์ส่งมอบพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของธุรกิจและผู้บริโภค ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ความปลอดภัยของผู้คน และสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เชลล์ทำงานร่วมกับชุมชน โดยส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย ซึ่งหมายรวมถึงความปลอดภัยระดับบุคคลและระดับชุมชน โครงการที่ได้รับความไว้วางใจและความร่วมมืออย่างดี ได้แก่ การสนับสนุนชุมชนคลองเตยในซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงของคลังน้ำมันเชลล์ ช่องนนทรี โดยการติดตั้งระบบดับเพลิงและท่อส่งน้ำเข้าไปในชุมชนคลองเตยใน พร้อมทั้งมีการฝึกซ้อมดับเพลิงร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ การให้ความรู้และรณรงค์ความปลอดภัยทางถนน โดยล่าสุดได้จัดทำเครื่องมือการให้ความรู้ผ่านสื่อดิจิทัลสำหรับเด็ก เยาวชน ผู้ปกครองและครูในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง

  2. Connecting Nature การเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม เชลล์ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยได้มีการให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อปัจจุบันและอนาคต อาทิ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ยางมะตอย และอื่นๆ นั้น เชลล์นำเสนอทางเลือกด้านพลังงานโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ ขณะที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ควบคู่กับการลดก๊าซเรือนกระจกในรูปแบบต่างๆ ในการนี้ เพื่อให้การเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมเกิดผลสัมฤทธิ์ในทุกระยะ เชลล์จึงร่วมมือกับพันธมิตรจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ มูลนิธิชัยพัฒนา กรมป่าไม้ กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก เพื่อร่วมกันบริหารทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและการจัดการขยะ เช่น การปรับขนาดของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมเพื่อทำให้สามารถลดการใช้พลาสติกลง การจัดให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นศูนย์กลางในการคัดแยกและรวบรวมขยะอันตราย การปลูกต้นไม้ในชุมชนคุ้งบางกะเจ้า

  3. Collective Prosperity การส่งเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจ เชลล์ ประเทศไทย ยินดีร่วมมือกับรัฐบาลในการจัดทำแผนและนโยบายการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อตอบรับเศรษฐกิจยุค 4.0 ในหลายประการ อาทิ การผลักดันให้มีการใช้กลไกด้านเศรษฐกิจในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ การกำหนดราคาคาร์บอน เพื่อกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน และผู้บริโภค พัฒนาประสิทธิภาพพลังงานโดยคำนึงถึงเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของชุมชนไปพร้อมกัน เช่น การส่งเสริมพลังงานชีวภาพที่ยั่งยืนในโครงการ Roundtable on Sustainable Palm Oil การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยเสริมสร้างศักยภาพระดับบุคคล อาทิ โครงการเชลล์ชวนชิม ซึ่งสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย โครงการเชลล์เติมสุข เพิ่มทักษะอาชีพแก่เยาวชนที่สมควรได้รับโอกาสและกลุ่มบกพร่องทางร่างกายหรือการเคลื่อนไหว ในส่วนที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ด้านพลังงานและการใช้พลังงานเพื่อประโยชน์เชิงเศรษฐกิจนั้น เชลล์ได้จัดการแข่งขันคิดค้นรถต้นแบบ Shell Eco Marathon และการแข่งขันออกแบบอนาคตที่ตอบรับการพัฒนาที่ยั่งยืนโครงการ Imagine the Future สำหรับเยาวชนไทยด้วย

“แนวทาง ‘More and Cleaner Energy’ ของเชลล์ ประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบายพลังงาน 4.0 ของภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน “พลังงานเปรียบเสมือนสายใยที่เชื่อมโยงการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ความเจริญก้าวหน้าของสังคม และความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม เชลล์ ประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญของพลังงานในการเข้ามาช่วยสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อบรรลุเป้าหมายพลังงานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เราจะเป็น Trusted Partner ที่ไว้วางใจได้เสมอ มีความจริงใจ ดำเนินการอย่างจริงจังในการ ‘เติมสุขให้ทุกชีวิต’ เพื่อสังคมไทยต่อไป” นายอัษฎากล่าวสรุป

เกี่ยวกับโครงการเชลล์เติมสุข

โครงการเชลล์เติมสุขเป็นโครงการความร่วมมือกับ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ในการส่งเสริมพัฒนาโรงเรียนสำหรับผู้สมควรได้รับโอกาสและบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว จัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับนักเรียนและชุมชน ภายใต้โครงการดังกล่าว ในช่วงแรกของโครงการลูกค้า พันธมิตร รวมถึงพนักงานของเชลล์ได้ร่วมกันระดมเงินทุนเพื่อจัดให้โรงเรียน 12 แห่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้สำหรับชุมชน นักเรียนได้รับการส่งเสริมให้สร้างธุรกิจเล็กๆ ตั้งแต่การทำแปลงเพาะปลูก ไปจนถึงงานฝีมือ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการให้โอกาสในการเข้าถึงการสร้างรายได้ ซึ่งทำให้นักเรียนในโครงการมีอาชีพและสามารถเลี้ยงตัวเองได้ภายใน 2-3 ปี

ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวได้มีการขยายไปสู่ 86 โรงเรียน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโรงเรียนต้นแบบ และดำเนินโครงการในแนวทางเดียวกัน โดยเข้าถึงนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจำนวนกว่า 32,000 คน นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุน “การเกษตรแบบอัจฉริยะ” ซึ่งช่วยให้ผู้ด้อยโอกาส อย่างเช่นนักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว สามารถทำการเกษตรได้ รวมถึงยังขยายผลจนเป็นโครงการระดับชุมชน โดยโรงเรียนได้รับงบประมาณเพิ่มเติมในการสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนใกล้เคียง สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของเด็กและชุมชนในวงกว้าง โดยทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถสร้างคุณค่าในตัวเองและสร้างประโยชน์ให้กับสังคม

นอกจากนั้นสถานีบริการน้ำมันของเชลล์ก็นับเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่มีบทบาทในการพัฒนาศักยภาพคน โดยสถานีบริการน้ำมันสามารถเป็นตลาดให้นักเรียนนำผลิตผลทางการเกษตรมาวางจำหน่าย และยังให้นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการเชลล์เติมสุขเข้ามาฝึกงานที่สถานีบริการได้

เกี่ยวกับโครงการเชลล์ชวนชิม

เชลล์ ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมธุรกิจผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงได้นำสัญลักษณ์แห่งความอร่อยมาสานต่อโดยการเดินหน้ามอบตราเชลล์ชวนชิมแก่สุดยอดร้านอาหารทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังใช้แพลตฟอร์ม ดิจิทัลไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ www.shellshuanshim.com เฟซบุ๊ก (@shellshuanshimofficial) และยูทูป เชลล์ชวนชิม (Shellshuanshim channel) เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น ในอนาคตเชลล์ยังมีแผนการที่จะนำร้านที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิมมาเปิดให้บริการในสถานีบริการน้ำมันเชลล์รวมถึงนำสินค้าจากร้านเชลล์ชวนชิมมาขายในร้านสะดวกซื้อซีเล็ค และร้านกาแฟเดลี่คาเฟ่ เพื่อพัฒนาให้สถานีบริการน้ำมันเชลล์เป็นจุดหมายปลายทางแห่งความอร่อย และเป็น“สถานีเติมสุข” ให้แก่ผู้บริโภคอย่างครบวงจร

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนกรุณาติดต่อ:

ฐิติภา ลักษณพิสุทธิ์
ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสื่อสารองค์กร
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
โทรศัพท์ +662 262 7839 

ญาดา สินธวะรัตน์
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ ประเทศไทย
โทรศัพท์ + 662 627 3501 ต่อ 213
อีเมล: ysintavarattana@hkstrategies.com

Cautionary Note

The companies in which Royal Dutch Shell plc directly and indirectly owns investments are separate legal entities. In this press release “Shell”, “Shell group” and “Royal Dutch Shell” are sometimes used for convenience where references are made to Royal Dutch Shell plc and its subsidiaries in general. Likewise, the words “we”, “us” and “our” are also used to refer to Royal Dutch Shell plc and subsidiaries in general or to those who work for them. These terms are also used where no useful purpose is served by identifying the particular entity or entities. ‘‘Subsidiaries’’, “Shell subsidiaries” and “Shell companies” as used in this press release refer to entities over which Royal Dutch Shell plc either directly or indirectly has control. Entities and unincorporated arrangements over which Shell has joint control are generally referred to as “joint ventures” and “joint operations”, respectively. Entities over which Shell has significant influence but neither control nor joint control are referred to as “associates”. The term “Shell interest” is used for convenience to indicate the direct and/or indirect ownership interest held by Shell in an entity or unincorporated joint arrangement, after exclusion of all third-party interest. 

This press release contains forward-looking statements (within the meaning of the U.S. Private Securities Litigation Reform Act of 1995) concerning the financial condition, results of operations and businesses of Royal Dutch Shell. All statements other than statements of historical fact are, or may be deemed to be, forward-looking statements. Forward-looking statements are statements of future expectations that are based on management’s current expectations and assumptions and involve known and unknown risks and uncertainties that could cause actual results, performance or events to differ materially from those expressed or implied in these statements. Forward-looking statements include, among other things, statements concerning the potential exposure of Royal Dutch Shell to market risks and statements expressing management’s expectations, beliefs, estimates, forecasts, projections and assumptions. These forward-looking statements are identified by their use of terms and phrases such as “aim”, “ambition’, ‘‘anticipate’’, ‘‘believe’’, ‘‘could’’, ‘‘estimate’’, ‘‘expect’’, ‘‘goals’’, ‘‘intend’’, ‘‘may’’, ‘‘objectives’’, ‘‘outlook’’, ‘‘plan’’, ‘‘probably’’, ‘‘project’’, ‘‘risks’’, “schedule”, ‘‘seek’’, ‘‘should’’, ‘‘target’’, ‘‘will’’ and similar terms and phrases. There are a number of factors that could affect the future operations of Royal Dutch Shell and could cause those results to differ materially from those expressed in the forward-looking statements included in this press release, including (without limitation): (a) price fluctuations in crude oil and natural gas; (b) changes in demand for Shell’s products; (c) currency fluctuations; (d) drilling and production results; (e) reserves estimates; (f) loss of market share and industry competition; (g) environmental and physical risks; (h) risks associated with the identification of suitable potential acquisition properties and targets, and successful negotiation and completion of such transactions; (i) the risk of doing business in developing countries and countries subject to international sanctions; (j) legislative, fiscal and regulatory developments including regulatory measures addressing climate change; (k) economic and financial market conditions in various countries and regions; (l) political risks, including the risks of expropriation and renegotiation of the terms of contracts with governmental entities, delays or advancements in the approval of projects and delays in the reimbursement for shared costs; and (m) changes in trading conditions. No assurance is provided that future dividend payments will match or exceed previous dividend payments. All forward-looking statements contained in this press release are expressly qualified in their entirety by the cautionary statements contained or referred to in this section. Readers should not place undue reliance on forward-looking statements. Additional risk factors that may affect future results are contained in Royal Dutch Shell’s 20-F for the year ended December 31, 2017 (available at www.shell.com/investor and www.sec.gov ). These risk factors also expressly qualify all forward looking statements contained in this press release and should be considered by the reader. Each forward-looking statement speaks only as of the date of this press release, December 4, 2019. Neither Royal Dutch Shell plc nor any of its subsidiaries undertake any obligation to publicly update or revise any forward-looking statement as a result of new information, future events or other information. In light of these risks, results could differ materially from those stated, implied or inferred from the forward-looking statements contained in this press release.

We may have used certain terms, such as resources, in this press release that United States Securities and Exchange Commission (SEC) strictly prohibits us from including in our filings with the SEC. U.S. Investors are urged to consider closely the disclosure in our Form 20-F, File No 1-32575, available on the SEC website www.sec.gov.