เชลล์ ประเทศไทย ชูกลยุทธ์ “พลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม” ร่วมขับเคลื่อนพลังงานไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน
ก.ค. 13, 2018
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 11 กรกฎาคม 2561: บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ประกาศแนวทางร่วมขับเคลื่อนอนาคตประเทศไทยอย่างยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ “พลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม” มุ่งผลักดันแผนพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนของไทย ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านพลังงานระดับโลก โดยกลยุทธ์ “พลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม” เป็นแนวทางที่มุ่งสนับสนุนความมั่นคงด้า พลังงานในอนาคตของประเทศไทย ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ทั่วประเทศที่ เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ยังคำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านนวัตกรรมด้านพลังงาน การร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ
นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าว “ในฐานะผู้นำด้านพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงระดับโลก เชลล์ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันพลังงาน ให้เกิดความยั่งยืน เพื่อตอบสนองทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ ที่มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ การใช้พลังงานที่สะอาดยิ่งขึ้น เชลล์ ประเทศไทย เชื่อว่ากลยุทธ์ “พลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม” จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่มีส่วนช่วยให้ภาครัฐเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ได้อย่างเต็มกำลัง ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเชลล์เชื่อมั่นว่าการก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องมี 3 องค์ประกอบสำคัญทำงานเชื่อมโยงกัน คือ การสร้างสรรค์นวัตกรรม การร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และการพัฒนาศักยภาพและความเป็นอยู่ของผู้คนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งองค์ประกอบทั้งสามด้านนี้ สอดคล้องกับแนวทางการทำงานที่เป็นหัวใจสำคัญของเชลล์ในการทำธุรกิจมาโดยตลอด นั่นคือ การเติมสุขให้ทุกชีวิต หรือ Making Life’s Journey Better”
ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังมุ่งไปสู่การใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานในภูมิภาคนี้ ภายใต้นโยบายพลังงาน 4.0 ภาครัฐได้มีการส่งเสริมให้ภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านหลายมาตรการต่างๆ ตั้งแต่การกระตุ้นให้ใช้พลังงานอย่างประหยัด ไปจนถึงการสนับสนุนการผลิตพลังงานทางเลือก อย่างไรก็ตาม ความต้องการและการบริโภคพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งในประเทศและในระดับโลกยังคงมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.871 ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นนี้นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมพลังงานโดยรวมที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามมา และสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังต้องการพลังงานที่ใช้ได้อย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันต้องช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมไปได้พร้อมๆ กัน
องค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่มีประสิทธิภาพและดีต่อสิ่งแวดล้อม
1. การพัฒนาด้านนวัตกรรม: นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนประเทศไทย เพื่อช่วยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น นวัตกรรมด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นที่ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ในขณะเดียวกัน การพัฒนานวัตกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทน ยังสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของคนในประเทศ สร้างความเข้มแข็งในการแข่งขัน ทางธุรกิจโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตผลทางการเกษตรในห่วงโซ่อาหาร ใช้ต้นทุนต่ำลง แต่ให้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สนับสนุนนโยบายการทำงานของภาครัฐที่มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
นอกจากนี้ การนำเอทานอล 100% มาใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) แทนแบตเตอรี่ไฟฟ้า ยังนับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจและสอดคล้องกับนโยบายด้านพลังงานของประเทศไทย เพราะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สนับสนุนภาคเกษตรกรรม และสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาวัตถุดิบโดยใช้ผลผลิตในท้องถิ่น เพื่อลดการนำเข้าพลังงานหรือน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้
2. การทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย: ความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านพลังงานจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนจากภาครัฐในเชิงนโยบาย บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่พัฒนาเครื่องยนต์ให้สามารถใช้เชื้อเพลิงชีวภาพได้มากขึ้น ผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพต่างๆ ที่หมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น การร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคสังคม ล้วนมีความสำคัญในการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นอกจากนี้การสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศให้ประสบผลสำเร็จ อาทิ การพัฒนาเอทานอล 100% เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง หรือแม้แต่การสนับสนุนลิขสิทธิ์ด้านนวัตกรรมการกลั่นขยะให้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและนำไปสู่การใช้พลังงานภายในประเทศที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ: บุคลากรคือองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดได้สำเร็จ และเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านพลังงานนี้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน การสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ภาคเกษตรกรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาเยาวชนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ นับเป็นฟันเฟืองสำคัญที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวต่อไปได้เป็นอย่างมั่งคง นอกจากนี้ การมีกรอบหรือแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่การใช้พลังงานที่สะอาดขึ้นควรวางรากฐานที่มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในประเทศอย่างเต็มที่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานสะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในประเทศไทย ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เชลล์ได้นำเสนอเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ทั้งในด้านน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และยางมะตอย อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิง เชลล์ วี-เพาเวอร์, เทคโนโลยี Gas-to-liquid (GTL) ที่ใช้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูง เทคโนโลยีการลดอุณหภูมิในการจัดส่งและจัดเก็บยางมะตอย รวมถึงเทคโนโลยีดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาทางท่อไอเสียเพื่อลดภาวะโลกร้อน หรือแม้แต่การสนับสนุนการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกของประเทศ โดยเชลล์เป็นหนึ่งในบริษัทด้านพลังงานรายแรกๆ ที่ลงทุนผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพขั้นสูงจากกากเกษตรอื่นๆ อาทิ ในปีที่ 2560 ที่ผ่านมาในระดับโลกเชลล์ได้สร้างโรงงานสาธิตที่ศูนย์เทคโนโลยีที่เมืองบังกะลอร์ ประเทศอินเดีย สำเร็จ เพื่อเป็นศูนย์ที่ใช้ทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยี IH2 ที่จะช่วยแปลงกากเกษตรเป็นพลังงานได้1
สำหรับการสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น เชลล์ได้ให้การสนับสนุนโรงเรียนและชุมชนต่างๆ ผ่านโครงการที่มุ่งปลูกฝังจิตสำนึกในด้านความปลอดภัยบนท้องถนนในชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ที่เชลล์เข้าไปดำเนินธุรกิจ รวมถึงการให้ข้อมูลที่เป็นสาระประโยชน์แก่ประชาชนผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันเชลล์ทั่วประเทศ และการเอาใจใส่ในการดูแลลูกค้าด้วยบริการคุณภาพอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้เชลล์ยังเดินหน้าพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กรเชลล์ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้ผ่านการแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ การตระหนักรู้ และสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาให้แก่นักเรียนในการคิดค้นและประดิษฐ์รถยนต์ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
“การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคนในอนาคตข้างหน้า ในจังหวะช้าเร็วและในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน อันนำมาซึ่งความท้าทาย โอกาส รวมถึงทางเลือกของพลังงานชนิดต่างๆ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันพิจารณาอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นทั้งรัฐบาล ผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ผู้บริโภคทั่วไป ตลอดระยะเวลากว่า 126 ปี เชลล์มุ่งเติมสุขให้ทุกชีวิตเสมอมา เรามีการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ “พลังงานสะอาด เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม” เป็นแนวทางที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และที่สำคัญคือเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานที่ยั่งยืนได้อย่างดี” นายอัษฎา กล่าวสรุป
1สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท) ประจำปี พ.ศ. 2560
2ข้อมูลพลังงานชีวภาพจาก Shell.com
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ:
ฐิติภา ลักษณพิสุทธิ์
ผู้จัดการใหญ่
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด
โทรศัพท์: +662 – 262 7326
พรรณพัชฬา เจริญสวัสดิ์
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ ประเทศไทย
โทรศัพท์: +662 627 3501 ต่อ 161
อีเมล: pcharoensawas@hkstrategies.com